Thursday, August 22, 2013

AEC กับ การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ (AEC and Real Estate Investment)




          เพื่อเป็นข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจในการลงทุนของผู้ประกอบการที่กำลังมองหาโอกาสในการลงทุนประเทศต่างๆในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN) พิจารณาจากข้อมูลตารางข้างต้นแล้วประเทศที่น่าลงทุนที่สุด น่าจะเป็นประเทศไทยนะครับ ด้วยคำว่า การถือครอง นี่มันเป็นปัจจัยดึงดูดสำคัญในการลงทุนระยะยาวมากๆ 
          สำหรับนักลงทุนไทยที่มองหาประเทศลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในต่างแดน คือ เวียดนาม และ ลาว   สิ่งที่ต้องระวัง คือ กฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยส่วนตัวเชื่อว่าแต่ละประเทศจะมีกฎหมายที่แตกต่างกันออกไป ดูอย่างประเทศไทยยังมีผู้ประกอบการรายใหญ่ยังพลาดให้กับกฎหมายควบคุมอาคารของไทยจนส่งผลต่อการก่อสร้าง ดังนั้นผู้ประกอบการที่จะลงทุนใน AEC จึงควรเพิ่มความระมัดระวังเป็น 2 เท่า




ที่มา : Agency for Real Estate Affairs [AREA]

Friday, August 9, 2013

โครงการ NYE by Sansiri BTS วงเวียนใหญ่



ข้อมูลโครงการ

NYE by Sansiri ตั้งอยู่ถนนกรุงธนบุรี เขตคลองสาน ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีวงเวียนใหญ่ 150 เมตร เจ้าของโครงการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) 

พื้นที่โครงการ 3-2-32 ไร่ โครงการเป็นตึกสูง 30 ชั้น 2 อาคาร จำนวนทั้งหมด 636 ยูนิต มีที่จอดรถให้ประมาณ 50% ส่วนกลางแบ่งเป็น 2 อาคารอยู่ชั้น 7 มีห้องสมุด สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย และสวนพักผ่อน แบบห้องมี 1 ห้องนอนขนาด 30-43 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 59-68 ตารางเมตร และ 2 ห้องนอน Duplex ขนาด 63-64 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2,990,000 บาท หรือ 100,000 บาทต่อตารางเมตร (ราคาเดือนกุมภาพันธ์ 2556)


Price (ราคา) 

โครงการคอนโดเปิดใหม่ ราคา 100,000 บาทต่อตารางเมตรใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสที่เปิดใช้งานแล้วเพียง 150 เมตร ถือว่าไม่แพงครับน่าสนใจมากทีเดียว เทียบกับคู่แข่งที่ตั้งในทำเลเดียวกัน ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว 

Location (ทำเลที่ตั้ง) 

ใกล้สถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่เพียง 150 เมตรเป็นจุดขายสำคัญสำหรับโครงการ NYE วงเวียนใหญ่ นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ถนนกรุงธนบุรีสะดวกสำหรับผู้ใช้รถส่วนตัววิ่งไปราชพฤกษ์ก็สะดวก เข้าตัวเมืองถนนสาทรก็ง่ายนิดเดียว อีกอย่างแนวโน้มการพัฒนาพื้นที่บริเวณนี้มีมากทีเดียวทั้งโครงการ Community mall ของเสนาฯ โครงการ Skywalk ทางเชื่อมต่อสถานีวงเวียนใหญ่ แล้วพื้นที่โดยรอบยังประกอบไปด้วยอาคารสำนักงานมากมาย 

Project and Design (รูปแบบโครงการ และการออกแบบ) 

ตัวอย่างอาคารใช้ Concept “Gold” เป็นโครงการระดับบนของแสนสิริ ออกแบบได้สวยงาม ยิ่งชั้นสูงๆขึ้นไปจะยิ่งมีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อยลง แน่นอนว่าราคาสูงขึ้น สำหรับแบบห้องส่วนใหญ่เป็น 1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร ประตูมี Digital Door Lock ของ Yale แอร์ฝังฝ้า Counter Top ครัวเป็นแกรนิตสีดำ พื้นห้องครัวเป็นแกรนิตโต้ ห้องนอนและห้องนั่งเล่นเป็นลามิเนต ตรงระเบียงมีที่วางคอมฯแอร์ให้ ระแนงไม้กั้นเรียบร้อย รับวิวเต็มที่ ด้วยขนาดที่เป็นภาวะน่าสบายเหมาะกับการพักผ่อน และอยู่อาศัยอย่างแท้จริง ประกอบกับวัสดุคุณภาพแล้วทำให้ชีวิตดูดีมีระดับขึ้นมาทันที 

Facilities (ส่วนกลาง/สิ่งอำนวยความสะดวก) 

แสนสิริโครงการนี้เน้นสระขนาดใหญ่ และสวนส่วนกลางหลักๆอยู่ชั้น 7 ยังมีส่วนกลางกระจายไปอยู่ตามชั้นต่างๆอีก เช่นชั้น 19 และชั้นบนสุดแต่เป็นสวนขนาดย่อมน่าสนใจดีครับ 



My Note 

แนะนำซื้อเพื่ออยู่อาศัยครับ ทำเลดี ราคาไม่สูง การออกแบบใช้ Green Architect Vertical Garden ตั้งแต่ทางเข้าโครงการ สามารถเลือกได้ทั้งวิวโล่งๆอย่างราชพฤกษ์ และวิวเมืองสีลม สาทร และแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงนี้แล้วต่อความชอบของแต่ละบุคคลครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม : Sansiri

Thursday, August 8, 2013

โครงการ Condolette Midst Rama9



ข้อมูลโครงการ

Condolette Midst Rama9 ถนนพระราม 9 (ตรงข้ามเซ็นทรัล พระราม 9) รถไฟใต้ดินสถานี พระราม 9 โดย บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)

อาคารชุดสูง 30 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 433 ยูนิต พื้นที่โครงการ 2-0-87 ไร่ มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสวน ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว พร้อมที่จอดรถประมาณ 40% แบบห้องจะเป็น สตูดิโอ-3 ห้องนอน ขนาด 21-78 ตารางเมตร 2,300,000 บาท หรือ 130,000 บาทต่อตารางเมตร เปิดขาย เมื่อเดือนมิถุนายน 2556 คาดว่าจะสร้างเสร็จเดือนกันยายน 2559

Price (ราคา)

ถ้าพูดถึงราคาต่อตารางเมตร Condolette Midst Rama9 ค่อนข้างสูงกว่าคู่แข่งที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกัน ทั้ง Aspire (105,000 บ/ตร.ม.) และ Ideo Mobi Rama9 (125,000 บ/ตร.ม.) แต่เมื่อพิจารณาที่ราคาต่อยูนิตแล้วทำให้ Condolette มีราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่า จึงเป็นจุดขายอย่างหนึ่งที่น่าสนใจของโครงการ

Location (ทำเลที่ตั้ง)

ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีพระราม 9 เดินทางสะดวก ตัวอาคารอยู่ตรงกลางระหว่างโครงการ Ideo Mobi และ Aspire Rama9 ใกล้ห้างเซ็นทรัลพระราม 9 ใกล้โครงการ Grand Rama9 ที่ประกอบไปด้วยอาคารสำนักงาน โรงแรม และห้างสรรพสินค้า ถือว่าเป็นทำเลที่ดีที่สุดในย่านรัชดา

Project and Design (รูปแบบโครงการ และการออกแบบ)

แบบ 1 ห้องนอน 34 ตารางเมตรออกแบบว่าค่อนข้างดีแนะนำ แบบห้อง C3 C4 และ จะได้ทิศ City View และ โครงการ Grand Rama 9 ไม่โดนบล็อควิวเพราะเป็นตำแหน่งมุมสุดยอดจองเลยครับ

Facilities (ส่วนกลาง/สิ่งอำนวยความสะดวก)

ส่วนกลางโครงการถูกจัดให้อยู่ชั้น 8 หันหน้าไปทางทิศตะวันออก(ปั๊มแก็ส) ด้านบนสุดของตัวอาคารเป็นสวนพักผ่อน ซึ่งได้รับการออกแบบที่ค่อนข้างสวยงามถือว่าทางพฤกษาฯ ทำออกมาดีทีเดียว



My Note

โครงการ Condolette Midst Rama9 ราคาต่อตารางเมตร สูงกว่า คู่แข่งบริเวณเดียวกัน แต่ราคาต่อยูนิต ต่ำกว่า ถ้าอยากได้ห้องราคาถูกแนะนำทิศตะวันตก(Ideo Mobi) เพราะราคาต่างกับทิศตะวันออก(ปั๊มแก็ส) ประมาณ 200,000 บาท แม้ว่าจะถูกบดบังวิวจากโครงการ Ideo Mobi แต่จะได้วิวสระ วิวสวนของ Ideo Mobi มาทดแทน



ที่มา : Condolette Midst Rama9 , วันที่ 9 กรกฎาคม 2556

การเลือกซื้อบ้านมือสอง



จุดที่ต้องสังเกตเมื่อต้องเลือกซื้อบ้านมือสอง

1. สอบถามถึงประวัติของตัวบ้าน เช่น สร้างมากี่ปี มีแบบพิพม์เขียวหรือไม่ ใครเป็นผู้ออกแบบ ใครเป็นผู้ก่อสร้าง ใครเป็นเจ้าของเดิม ย้ำว่าข้อมูลทุกอย่างมีความสำคัญและ สามารถนำมาเป็นข้อมูลประกอบการแก้ปัญหาตัวบ้านได้ในภายหลัง


2. ดูด้วยสายตาโดยรอบตัวบ้าน เพื่อให้แน่ใจว่าตัวบ้านไม่เอียงหรือทรุดตัวไปด้านใดด้านหนึ่ง หากพบว่าตัวบ้านเอียง ให้คาดคะเนได้เลยว่า ตัวฐานรากใต้ดินมีปัญหา ซึ่งค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงพอควร


3. สภาพงานทาสีบนผนังทั้งภายใน ภายนอกว่ามีสีหลุดล่อนเป็นแผ่นๆ หรือสภาพขึ้นราหรือไม่ บางครั้งอาจพบว่าคุณภาพของสีเดิมแย่มากจนมองเห็นรอยแตกลายงาบนผนังได้ ถ้าเจอสภาพแบบนี้ก็คงจะต้องเตรียมเงินค่าทาสีใหม่ทั้งหลังไว้ได้เลย


4. ดูสภาพปูนฉาบบนผนังก่ออิฐ โดยใช้สันเหรียญขูดหนักๆบนผิวผนัง หากเป็นอาคารเก่าประเภทอายุ 30 ปีขึ้นไป เราจะพบว่าปูนฉาบจะหลุดร่วงลงมาเป้นผงแป้ง ถ้าเป็นแบบนี้ก็ควรเตรียมค่าสกัดผิวปูนฉาบ และฉาบปูนใหม่ทั้งหลัง


5. สำหรับบ้านที่มีโครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ในสังเกตเสา คาน และผนังก่ออิฐ โดยทั่วไปว่ามีรอยแตกรอยร้าวหรือไม่ หากพบว่ามีรอบแตกร้าวรูปฟ้าผ่าเป็นแนวเฉียง 45 องศา ให้คาดคะเนไว้ว่าโครงสร้างเสาและฐานรากน่าจะมีปัญหา ซึ่งจะนำไปสู่การทรุดเอียงของตัวบ้านได้ และการแก้ปัญหาลักษณะนี้ก็ค่อนข้างยากเช่นกัน ขอแนะนำให้เปลี่ยนไปเลือกดูบ้านหลังอื่นๆจะดีกว่า


6. สำหรับบ้านที่มีโครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ให้สังเกตดูขนาดเสาบ้านที่เหมาะสม เช่น บ้านสองชั้นเสาก็ควรมีขนาด Ø 20 x 20 เซนติเมตร และบ้านสามชั้น เสาก็ควรมีขนาดอย่างน้อย Ø 25 x 25 เซนติเมตรจึงจะดี


7. สำหรับบ้านที่โครงสร้างพื้นชั้นล่างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ให้ดูว่าพื้นชั้นล่างมีการแอ่นตัวหรือไม่ และให้สังเกตดูรอบๆพื้นที่ห้องว่ามีรอยแตกบริเวณมุมผนังชนผิวพื้นหรือไม่ หากพบว่ามี ให้คาดคะเนว่าพื้นห้องดังกล่าวเป็นพื้น ค.สล.ชนิดวางบนดินและดินใต้บ้านอาจเป็นโพรงดิน จึงส่งผลให้เป็นพื้นทรุดตัวตามกันลงไป การแก้ปัญหาแบบนี้ต้องทุบพื้นใหม่ บดอัดดินให้แน่แล้วเทพื้นใหม่อีกครั้ง แต่ทางที่ดีเลือกบ้านแบบที่ใช้พื้นวางบนคานจะสบายใจกว่า


8. หากพบว่าไม้พื้นมีอาการโก่งตัว บิดตัวระเบิดขึ้นมา หรือพบว่ามีคราบน้ำเหนียวผุดขึ้นมาระหว่างรอยยาแนวกระเบื้อง ให้คาดคะเน ว่าใต้อาคารมีความชื้นมากจนซึมทะลุขึ้นมาบนพื้นคอนกรีต ให้เตรียมค่าใช้จ่ายสำหรับแก้ไขด้วยการรื้อวัสดุปูพื้นออกแล้วทาน้ำยาป้องกันความชื้นก่อนปูผิวพื้นใหม่


9. สำหรับงานไม้ต่างๆ เช่น วงกบ หน้าต่าง ประตู ราวบันได บัวพื้น ตลอดจนถึงโครงสร้างที่เป็นไม้ เช่น เสา คาน ตง ให้ตรวจดูว่ามีปลวก มอด แมลงเข้าไปเจาะทำลายมากแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านที่ไม่มีคนอยู่ ปลวกมักเข้าไปทำรังอยู่เป็นอันมาก


10. ดูคราบรอยรั่วในจุดต่างๆ ดังนี้
- รอบวงกบหน้าต่าง ประตู
- ดูฝ้าเพดานชั้นบนสุดของบ้านว่ามีคราบน้ำรั่วที่เกิดจากหลังคารั่วหรือไม่
- ดูฝ้าเพดานใต้พื้นห้องน้ำชั้น 2 –3 ขึ้นไป หากพบว่ามีคราบน้ำรั่ว แสดงว่าท่อระบายน้ำที่พื้นห้องน้ำรั่วซึม
- ดูฝ้าไต้ชายคารอบนอกบ้านว่าคราบรอยรั่วหรือไม่
- ดูผนังห้องน้ำด้านนอกและด้านในว่ามีคราบน้ำรั่วตามแนวการเดินท่อบ้างหรือไม่
- หากตัวบ้านมีระเบียงหรือ กันสาดบริเวณชั้น 2 ให้สังเกตผูฝ้าเพดานใต้บริเวณดังกล่าวว่ามี คราบน้ำรั่วซึงหรือไม่


11. ดูระบบน้ำดีด้วยการปิดก๊อกน้ำทุกตัวในบ้านแล้วตรวจดูมิเตอร์น้ำ หากตัวเลขบนมิเตอร์วิ่งแสดงว่ามีจุดนั่วในระบบท่อน้ำดีแน่นอน


12. ตรวจดูสภาพสุขภัณฑ์ต่างๆว่าใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ และหากสภาพทรุดโทรมมากก็ต้องซ่อมแซมกันตั้งแต่ในจุดเล็กๆ เช่น แหวนยางต่างๆ จนถึงการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ เช่น ก๊อกน้ำและวาล์วต่างๆเป็นต้น


13. ตรวจดูสภาพฉนวนหุ้มสายไฟว่ากรอบแตกหรือไม่ และหากเป็นบ้านที่ยังไม่ถูกตัดไฟ ก็ให้ทดลองเปิดเบรกเกอร์จ่ายไฟเข้าสู่ระบบ แล้วดูว่าระบบไฟฟ้าแสงสว่างยังทำงานตามปกติหรือไม่ แต่สภาพอาคารเก่าๆที่อายุ 30 ปีขึ้นไปก็ควรเปลี่ยนสายไฟใหม่ทั้งระบบจะดีกว่า


14. สังเกตดูแนวรั้วบ้านว่าเอียง ทรุด ล้ม หรือบิดเบี้ยวไปหรือไม่ หากพบว่ามีและต้องซ่อมแซม ก็ต้องประเมินว่าต้องมีงานทุบรื้อรั้วในแนวนั้นออกไป และซ่อมแซมฐานรากใหม่ แล้วจึงจัดทำรั้วขึ้นมาใหม่


15. สุดท้าย นอกจากดูตัวบ้านแล้วก็อย่าลืมดูสภาพแวดล้อมด้วยว่าบริเวณข้างเคียงติดกับอะไร เช่น พื้นที่อาจไปติดกับแนวนไม้รกทึบ หรือพื้นที่การค้าประเภทอู่เคาะพ่นสี ก็จะสร้างมลภาวะต่อครอบครัวเราได้เหมือนกัน

ที่มา : หนังสือ “คู่มือปลูกบ้าน” โดย คุณศักดา ประสานไทย โดยสำนักพิมพ์บ้านและสวน 
ที่มา : กระทู้พันทิป

Facebook Comment